แบบฝึกหัด

วิชางานปรับอากาศรถยนต์

ชุดที่ 1


คำชี้แจง

  1. ข้อสอบปรนัย 100 ข้อ
  2. ให้นักเรียนกาเครื่องหมาย X หน้าข้อที่เห็นว่าถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียวลงในกระดาษคำตอบ
  3. ส่งกระดาษคำตอบพร้อมต้นฉบับข้อสอบ ห้ามนักเรียนนำข้อสอบออกนอกห้องสอบ

 

1.วิธีการปรับอากาศของ โจเชฟ แมคครีตี้ คือ

ก.สร้างฉนวนกันความร้อน (ข) ฉีดละอองน้ำในอากาศ

ค.ใส่น้ำแข็งภายในห้อง ง.ใช้พัดลมดูดอากาศ

2.อุณหภูมิปกติของร่างกายคนเราคือ

ก. 97 องศา ข.97.6 องศา

ค. 98 องศา (ง) 98.6 องศา

3.ความชื้นสัมพันธ์ที่ 50% R.H. หมายถึง

ก.ความชื้นที่อยู่ในอากาศ

(ข) อากาศมีไอน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง ณ จุดนั้น

ค.ความชื้นโดยทั่วไป

ง.ความชื้นที่สัมพันธ์แบอุณหภูมิ

4.ความร้อนสัมผัส หมายถึง

ก.ปริมาณความร้อนที่ทำให้มนุษย์รับรู้

ข.ความร้อนที่ระบายออกจากวัตถุ

ค.ความร้อนที่ใช้เปลี่ยนน้ำให้เป็นไอ

ง.ความร้อนที่มีอยู่ในอากาศ

5.อุณหภูมิที่มีความสบายต่อร่างกายอยู่ระหว่าง

ก.20-22 องศา (ข) 23-25 องศา

ค.25-27 องศา ง. 27-30 องศา

6.สมัยโบราณบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นมีวิธีการถนอมอาหาร คือ

ก.รมควัน ข.ตากแดด

ค.แช่ตู้เย็น (ง) แช่แข็งหรือหมกหิมะ

7.การทำความเย็นเข้ามาเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมชนิดใดบ้าง

ก.อุตสาหกรรมเคมี ข.โรงแยกก๊าซ

ค.การขนส่งอาหารแช่แข็ง (ง) ถูกทุกข้อ

8.ข้อใดไม่จัดอยู่ในอุปกรณ์หลักของเครื่องปรับอากาศ

ก.คอมเพรสเซอร์ ข.คอนเดนเซอร์

ค.ตัวควบคุมน้ำยา (ง) สารความเย็น

9.สิ่งใดที่ช่วยช่างบริการระบบเครื่องปรับอากาศ

ก.Filter ข.Safety Valve

ค. Strainer (ง.)Sight Glass

10. เครื่องมือชนิดใดจัดเป็นเครื่องมือเฉพาะ

ก.ประแจชนิดต่าง ๆ ข.ตะไบ

(ค) ปั๊มสุญญากาศ ง.ค้อน

11. อุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งโลหะเพื่อให้ผิดงานเรียบ คืออะไร

(ก) ตะไบ ข.คัตเตอร์

ค.รีมเมอร์ ง.สลัก

12.ท่อของแมนิโฟลด์ เกจที่ใช้ในการซ่อมและบริการ คือ

ก.ท่อด้านซ้ายของแมนิโฟลด์ เกจ

ข.ท่อด้านขวาของแมนิโฟลด์ เกจ

(ค) ท่อกลางของแมนิโฟลด์ เกจ

ง.ใช้ได้ทุกท่อของเกจ

13.ข้อใดไม่จัดอยู่ในระบบการทำความเย็นที่ไม่ใช้กลไก

(ก) การทำความเย็นแบบอัดไอ ข.การทำความเย็นแบบดูดซึม

ค.การทำความเย็นแบบใช้ไอน้ำ ง.แบบใช้การขยายตัวของอากาศ

14.สารความเย็นเมื่อถูกระบายความร้อนออกแล้วจะอยู่สภาพใด

ก.ไฮโดรเจน (ข) แอมโมเนีย

ค.ดูดรับความชื้น ง. R-12, R-22

15.การดึงเอาปริมาณความร้อนออกจากพื้นที่เป็นหลักการข้อใด

(ก) การทำความเย็น ข.ความร้อนแฝง

ค.ตัวควบคุมน้ำยา ง.การระเหิด

16.น้ำยาจะกลายเป็นไอบริเวณใด

(ก) อิแวโพเรเตอร์ ข.คอมเพรสเซอร์

ค.คอนเดนเซอร์ ง.เอกซ์แพนชันวาล์ว

17.ท่อที่ต่อระหว่างท่อพักน้ำยาเหลวกับเอกซ์แพนชันวาล์ว คือ

ก.ท่อทางเดินน้ำยา ข.ท่อซักชัน

ค.ท่อดิสชาร์จ (ง)ท่อลิควิค

18.น้ำยาจะถูกส่งผ่านดิสชาร์จไปยังคอนเดนเซอร์ในสถานะใด

ก.ของเหลวอุณหภูมิ ความดันสูง ข.ของเหลวอุณหภูมิต่ำ ความดันต่ำ

ค.ก๊าซอุณหภูมิต่ำ และความดันต่ำ (ง) ก๊าซอุณหภูมิสูงและความดันสูง

19.ฉนวนที่นิยมใช้ระบบทำความเย็น คือ

ก.ยางและโฟม ข.พลาสติกและโฟม

(ค) โฟมและใยแก้ว ง.ใยแก้วและพลาสติก

20.หน้าที่สำคัญของคอมเพรสเซอร์ คืออะไร

ก.ระบายความร้อน ข.ดูดความชื้น

ค.กักเก็บสารความเย็น (ง) ดูดและอัดสารความเย็น

21.ชาฟต์ซีล(Shaft Seal) ทำหน้าที่อะไร

(ก) ป้องกันน้ำยาและน้ำมันหล่อลื่น ข.ดูดอัดสารความเย็นไปอุปกรณ์

ค.รักษาความดันระบบความเห็น ง.ให้ความดันสูงในระบบไหลผ่าน

22.ข้อดีของคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต คือ

ก.มีขนาดเล็กกะทัดรัด ข.ฉุดแรงเครื่องยนต์น้อย

ค.ความเย็นจำนวนบีทียูมากกว่า (ง) ถูกทั้งข้อ ก และ ข

23.การถอดคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลตขั้นตอนใดอยู่หลัง

ก.ถอดแผ่นกด (ข) ถอดชาฟต์ซีล

ค.ถอดซีลเพลต ง.ถอดตลับลูกปืนมู่เล่

24.การประกอบคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลตขั้นตอนใดถูกต้อง

(ก) ประกอบเสื้อสูบ วาล์วเพลตและชาฟต์ซีล

ข.ประกอบชาฟต์ซีล วาล์วเพลตและเสื้อสูบ

ค.ประเสื้อสูบ ชาฟต์ซีลและวาล์วเพลต

ง.ประกอบชาฟต์ซีล เสื้อสูบและวาล์วเพลต

25.อุปกรณ์ชนิดใดที่มีหน้าที่ระบายความร้อนจากน้ำยา

ก.คอมเพรสเซอร์ (ข)คอนเดนเซอร์

ค.ชุดควบคุมน้ำยา ง.อิแวโพเรเตอร์

26.Shaft Seal ของคอมเพรสเซอร์มีหน้าที่

ก.ป้องกันการรั่วที่รอยต่อ ข.ป้องกันระบบการรั่วไหล

(ค) ป้องกันสารความเย็นรั่วไหลที่เพลา ง.ปรับปริมาณการไหลน้ำยา

27.เมื่อลูกสูบเคลื่อนตัวลงในจังหวะดูด ข้อใดถูกต้อง

ก.ความดันในกระบอกสูบลดลง ข.ลิ้นด้านดูดเปิด

ค.สารความเย็นเข้าในกระบอกสูบ (ง) ถูกทุกข้อ

28.หน้าที่ของชุดความคุมน้ำยา คือ

(ก) ลดความดันสารความเย็น ข.เพิ่มความดันของสารความเย็น

ค.ถ่ายเทความร้อนจากสารความเย็น ง.ดูดความชื้นภายในระบบ

29.ถ้าลิ้นของเอกซ์แพนชันวาล์วเปิดมาก จะมีผลคือ

ก.การทำความเย็นเพิ่มขึ้น ข.การทำความเย็นคงที่

ค.การทำความเย็นลดลง (ง) ความชื้นในระบบลดลง

30.หน้าที่ของคอนเดนเซอร์ คือ

ก.ดูดความร้อนจากภายนอกเข้าระบบ

ข.ทำให้สารความเย็นเดือดเป็นไอ

(ค) ระบายความร้อนออกจากสารความเย็น

ง.เปลี่ยนสถานะของเหลวให้เป็นไอ

31.การไหลของสารความเย็นมีหลักการ คือ

ก.ไหลจากซ้ายไปขวา ข.ไหลจากล่างขึ้นบน

ค.ไหลจากขวาไปซ้าย (ง) ไหลจากบนลงล่าง

32.คอนเดนเซอร์ที่ติดตั้งในระบบทำความสะอาดได้โดย

ก.ใช้น้ำมันล้าง ลมเป่า ข.ใช้แปรงทำความสะอาด

ค.เคาะเอาฝุ่นออกจากระบบ (ง) ใช้น้ำฉีดพ่นผ่านครีบ

33.ตำแหน่งที่วางคอนเดนเซอร์ คือ

ก.ชิดติดหม้อน้ำ (ข) ห่างจากหม้อน้ำ 1 นิ้ว

ค.ด้านล่างของเครื่องยนต์ ง.ด้านบนของตัวรถ

34.การถอดคอนเดนเซอร์ออกตรวจสอบกระทำเมื่อใด

ก.ซ่อมคอมเพรสเซอร์แล้ว ข.ตรวจอีวาพอเรเตอร์

ค.ตรวจท่อทางเดินสารความเย็น (ง) ภายหลังจากการตรวจรั่วระบบ

35.หน้าที่ของเอ็กซ์แพนชันวาล์ว คือ

(ก) ลดความดันสารความเย็น ข.เพิ่มความดันของสารความเย็น

ค.ถ่ายเทความร้อนออกจากสารความเย็น ง.ดูดความชื้นภายในระบบ

36.สารความเย็นที่ผ่านเอ็กซ์แพนชันวาล์วจะอยู่ในสถานะใด

ก.ก๊าซที่มีความดันสูง (ข) สารความเย็นเหลว

ค.ก๊าซที่มีความดันต่ำ ง.ซูเปอร์ฮีต

37.สารความเย็นที่ปลายท่อซักชันจะมีสถานะอย่างไร

(ก) ก๊าซความดันต่ำ ข.ก๊าซความดันสูง

ค.ของเหลวความดันต่ำ ง.ของเหลวความดันสูง

38.ถ้าค่าแรงดันด้านความดันต่ำมีค่าสูงเกินเกณฑ์เป็นเพราะเหตุใด

(ก) ขัดข้องที่เอ็กซ์แพนชันวาล์ว ข.สารความเย็นมีมากเกิน

ค.สารความร้อนเย็นน้อยเกิน ง.ต่อสายแมนิโฟลด์เกจผิด

39.สารดูดรับความชื้นที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป คือ

ก.ซิลิกาเจล ข.แคลเซียมซัลเฟต

ค.อะลูมินาเจล (ง) ถูกทุกข้อ

40.น้ำยาที่ถูกดูดเข้าคอมเพรสเซอร์จะอยู่ในสถานะใด

ก.ของเหลว ข.ของเหลวผสมกับก๊าซ

ค.เป็นไอน้ำทั้งหมด ง.ซูเปอร์ฮีต

41.ถ้ามีน้ำมันคอมเพรสเซอร์ไหลผ่านเข้าระบบจะเกิดผลเสียคือ

ก.สารความเย็นดูดซับความร้อนได้ดี ข.เกิดเป็นไปภายในระบบ

ค.ทำให้ระบบอุดตัน

(ง) ท่อเกิดฉนวน การถ่ายเทความร้อนไม่ดี

42.วาล์วปลดความดันหรือเรียกอีกชื่อว่า

ก.Check Valve (ข) Safety Valve

ค.Schrader Valve ง.Hold Back Valve

43.โซเลนอยด์วาล์วมีหลักการควบคุมการปิดเปิดวาล์ว คือ

ก.ไหลย้อนทางกลับ ข.ไหลจากซ้ายไปขวา

(ค) น้ำยาไนแนวดิ่ง ง.น้ำยาไหลในแนวนอน

44.หน้าที่ของอีวาพอเรเตอร์ คือ

ก.ดูดความชื้นจากระบบ ข.กรองสิ่งสกปรกที่ปะปนมา

ค.ควบคุมการไหลสารความเย็น (ง) ดูดซับความร้อนจากพัดลม

45.ท่อดิสชาร์จ อยู่ส่วนใดของระบบ

(ก) คอมเพรสเซอร์กับคอนเดนเซอร์ ข.อีวาพอเรเตอร์กับคอมเพรสเซอร์

ค.ดรายเออร์กับเอ็กซ์แพนชันวาล์ว ง.คอรเดนเซอร์กับดรายเออร์

46.สารความเย็นสถานะก๊าซความดันสูงอยู่ช่วงใด

ก.ท่อซักชัน (ข) ท่อดิสชาร์จ

ค.ท่อลิควิด ง.ตอลดท่อทางเดินสารความเย็น

47.Evaporator POressure Regulator มีหน้าที่คือ

ก.ช่วยระยายความชื้นจากระบบ ข.ถ่ายเทความร้อนจากระบบ

(ค) ป้องกันการเกิดน้ำแข็งเกาะ ง.ดูดซับความร้อนจากห้องโดยสาร

48.สวิตซ์พัดลมอีวาพอเรเตอร์มีการต่อแบบใด

ก.แบบขนาน ข.แบบเรียงลำดับ

(ค) แบบอนุกรม ง.แบบผสม

49.สารความเย็นชนิดใดที่นิยมใช้กับห้องเย็นขนาดใหญ่

ก. R-12 ข.R-22

ค. R-113 (ง) Ammonia

50.การหาจุดรั่วนั้นสิ่งสำคัญ คือ

ก.มีสารความเย็นบรรจุอยู่ ข.ระบบต้องเป็นสุญญากาศ

ค.อ่านค่าแมนิโฟลด์เกจได้ (ง) ระบบต้องมีความดัน

51.เครื่องตรวจรอยรั่วแบบใช้เสียงมีวิธีการบอกให้รู้ได้อย่างไร

ก.เสียงดังช้ากว่าปกติ (ข) เสียงดังรัวถี่ขึ้น

ค.เสียงดังกว่าเดิม ง.ขึ้นอยู่กับรอยรั่วมากน้อยเพียงใด

52.ถ้าใช้ตะเกียงตรวจรอยรั่วจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดการรั่ว

ก.ไฟตะเกียงหรี่ลง ข.ไฟตะเกียงสว่างกว่าเดิม

ค.ไฟตะเกียงเปลี่ยนเป็นสีส้ม (ง) ไฟตะเกียงเปลี่ยนเป็นสีเขียว

53.การทำสุญญากาศ คือ

(ก) การดึงอากาศและความชี้นออกจากระบบ

ข.การไล่อากาศและความชื้นออกจากระบบ

ค.การดึงอากาศและความชื้นจากท่อก๊าซ

ง.การดึงความชื้นออกจากคอมเพรสเซอร์

54.การปล่อยสารความเย็นทิ้งจะต้องปิดวาล์วความดันต่ำทันทีเมื่อใด

ก.ขณะถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ออก ข.เมื่อความดันของระบบสูงขึ้น

ค.เมื่อความดันลดต่ำกว่าเกณฑ์ (ง) มีน้ำมันหล่อลื่นคอมฯ ไหลออกมา

55.ค่าความดันต่ำโดยประมาณของเครื่องปรับอากาศที่ถูกต้อง คือ

ก.8-12 pis ข.15-30 pis

(ค) 65-75 pis ง. 100-130 pis

56.การทดลองปรับสวิตซ์ควบคุมความเย็นก็เพื่อ

ก.ควบคุมระบบของพัดลม ข.ตรวจการทำงานอิแวโรเรเตอร์

ค.ปรับทิศทางของลม (ง) ทดสอบการตัด-ต่อของระบบ

57.การอุ่นสารความเย็นที่ถูกต้องคือ

(ก) อุ่นถังในน้ำอุ่นไม่เกิน 40 องศา ข.อุ่นถังในน้ำอุ่นมากกว่า 40 องศา ค.ใช้เปลวไฟจ่อลนก้นถัง ง.ใช้ความร้อนจากแสงแดดเป็นตัวเร่ง

58.รีซีฟเวอร์ดรายเออร์ มีหน้าที่ คือ

ก.ดูด-อัดสารความเย็น ข.ควบคุมอุณหภูมิในระบบ

ค.รักษาความสมดุลของความดัน (ง) ดูดความชื้นและกรองสิ่งสกปรก

59.หน้าที่สำคัญของ Filer คือ

(ก) กรองสิ่งสกปรกออกจากสารความเย็น ข.ควบคุมการไหลสารความเย็น

ค.ควบคุมการไหลสารความเย็น ง.ควบคุมของเหลวกลายเป็นไอ

60.ท่อส่งสารความเย็นจะทำหน้าที่

ก.ควบคุมอุณหภูมิในระบบ ข.ควบคุมการไหลสารความเย็น

ค.ดูดความชื้นในระบบ

(ง)แยกสารความเย็นที่เป็นของเหลวและก๊าซ

61.ถ้ารีซีฟเวอร์รายเออร์ชำรุดมีวิธีการที่ถูกต้อง คือ

ก.ซ่อมชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ชำรุด ข.เปลี่ยนอะไหล่จากดรายเออร์ตัวอื่น

(ค) ให้เปลี่ยนดรายเออร์ใหม่ ง.ขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน

62.การตอกบานท่อข้อใดถูกต้อง

ก.ปลายท่อสูงเท่าตัวจับ ข.ปลายท่อสูงครึ่งหนึ่งของตัวจับ

(ค) ปลายท่อสูงเท่ากับช่วงบนตัวตอก ง.ขึ้นอยู่กับความจำเป็น

63.สารความเย็นที่ใช้กับเครื่องปรับอากาศรถยนต์ คือ

(ก) R-12 ข. R-22

ค.R-113 ง.R-729

64.สารความเย็นที่พัฒนาใช้แทน R-12 คือ

ก. R-13 ข. R-22

ค.R-152a ง.R-134a

65.ระบบ R-134a วาล์วความดัน PRV ใช้แทนส่วนใด

ก.เอ็กซ์แพนซันวาล์ว ข.วาล์วบริการ

ค.วาส์วประกับ (ง) ปลั๊กหลอมละลาย

66.ท่อทางเดินทำความเย็นต้องมีขนาดพอเหมาะเพราะเหตุใด

ก.เพิ่มความดันก๊าซภายในท่อ ข.น้ำยาแปรสภาพเป็นไอได้ง่าย

(ค) เพื่อลดความดันในท่อให้น้อยที่สุด ง.เพื่อให้น้ำยาทำงานได้สะดวก

67.จะต้องติดตั้งท่องอเมื่อคอนแดนเซอร์ติดตั้งอยู่สูงกว่าคอมเพรสเซอร์ คือ

(ก) มากกว่า 7.5 เมตร ข.น้อยกว่า 7.5 เมตร

ค.มากกว่า 2.5 เมตร ง.น้อยกว่า 2.5 เมตร

68.ขณะหยุดทำงานถ้าน้ำยาเหลวไหลกลับเข้าคอมเพรสเซอร์จะมีผลคือ

ก.คอมเพรสเซอร์อาจชำรุด ข.คุณสมบัติการหล่อลื่นเสียไป

ค.ประสิทธิภาพการทำงานของระบบลดลง (ง) ถูกทุกข้อ

69.การทาฟลักซ์ทั้งผิวด้านในและด้านนอกของท่อมีวัตถุประสงค์ คือ

ก.ป้องกันการเกิดออกไซด์ ข.เพิ่มแรงยึดตัวรอยต่อ

(ค) ช่วยในการประสายรอยเชื่อม ง.ทำความสะอาดรอยต่อ

70.คัตเอาต์ (Cut Out) จัดเป็นสวิตซ์แบบใด

ก.1 ขั้ว 1 ทาง ข.1 ขั้ว 2 ทาง

(ค) 2 ขั้ว 1 ทาง ง.2 ขั้ว 2 ทาง

71.รีเลย์ชนิดใดทำงานด้วยความต่างศักย์ไฟฟ้า

ก.Curent Relay ข.Potential Relay

ค.Hot Wire Relay ง.Control Relay

72.ไทเมอร์รีเลย์หน้าที่คือ

ก.ชะลอการเกิดการลัดวงจร (ข) หน่วงเวลาของควบคุมการทำงาน

ค.เก็บประจุไฟฟ้าเพื่อใช้งาน ง.ควบคุมการตัด-ต่อวงจร

73.หน้าที่สำคัญของคาพาซิเตอร์แบบสตาร์ต คือ

ก.เป็นสะพานไฟในระบบ (ข) ช่วยในการออกตัวมอเตอร์

ค.เก็บประจุไฟฟ้าเพื่อใช้งาน ง.หน่วงเวลาการทำงาน

74.เหตุใดจึงต้องมีการติดตั้งชุดล็อก(Lock Out)

ก.ป้องกันการต่อวงจรไฟฟ้า ข.หาสาเหตุแก้ไขข้อบกพร่อง

ค.ป้องกันอุปกรณ์ชำรุด (ง) ถูกทั้งข้อ ก และ ข

75.เมื่อหน้าที่ของคอนแท็กต์ของเทอร์โมสตัดแยกออกมีผล คือ

ก.ไฟเลี้ยงคลัตซ์ครบวงจร ข.ไฟฟ้าไหลผ่านสวิตซ์

(ค)ไฟเลี้ยงแม็กเนติกคลัตซ์ไม่ครบวงจร ง.คอมเพรสเซอร์ดูดอัดสารความเย็น

76.เทอร์โมสตัดแบบไบเมติกมีหลักการทำงานอย่างไร

ก.ใช้การขยายตัวของโลหะชนิดเดียวกัน (ข) ใช้การขยายตัวของโลหะต่างชนิด

ค.ใช้การขยายตัวของความร้อน ง.ใช้การขยายและหดตัวของกระเปาะ

77.อุปกรณ์ที่ไม่จัดอยู่ในส่วนของแอมปลิไฟเออร์ คือ

ก.คาพาซิเตอร์ ข.ทรานซิสเตอร์

ค.ไอซี (ง) เทอร์มิสเตอร์

78.สเตบิไลเซฮร์แอมปลิไฟเออร์จะทำงานควบคู่กับอะไร

(ก) วาล์สวิตว์สุญญากาศ ข.แม็กเนติกคลัตซ์

ค.เทอร์โมสตัด ง.เมนรีเลย์

79.วาล์วสวิตซ์สุญญากาศทำหน้าที่อะไร

ก.ตรวจสอบแรงดันของระบบ (ข)เพิ่มรอบเดินเบาของเครื่องยนต์

ค.ควบคุมความดันวาล์วบริการ ง.ควบคุมความดันสารความเย็น

80.Pressure Suitch ติดตั้งอยู่ส่วนใดของระบบ

ก.ยึดติดอยู่กับครีบอีวาพอเรเตอร์ ข.ด้านหน้าของวาล์วบริการ

ค.ด้านหน้าของแม็กเนติกคลัตซ์ (ง) ด้านความดันสูงของระบบ

81.การทำสุญญากาศ คืออะไร

(ก) การดึงเอาอากาศออกจากระบบ ข.การบรรจุสารความเย็นเข้าระบบ

ค.การดึงเอาอากาศออกจากท่อก๊าซ ง.การดึงอากาศจากคอมเพรสเซอร์

82.ขณะระบบปรับอากาศทำงานให้ปรับความเร็วเดินเบาของเครื่องยนต์ที่เท่าไร

ก.500-700 RPM ข.800-1000 RPM

(ค) 1,000-1,200 RPM ง.1,200-1,500 RPM

83.การทดลองปรับสวิตซ์ควบคุมความเย็น เพื่ออะไร

ก.ควบคุมระบบของพัดลม ข.ตรวจการทำงานอีวาพอเรเตอร์

ค.ปรับทิศทางของลม (ง)ทดสอบการตัด-ต่อคลัตซ์

84.แอมแปร์เป็นหน่วยวัตของสิ่งใด

(ก) กระแสไฟฟ้า ข.แรงดันไฟฟ้า

ค.ความต้านทาน ง.สนามแม่เหล็กไฟฟ้า

85.การต่อฟิวส์ลวดตัวนำไฟฟ้ากับภาระงานจะต้องต่อแบบใด

ก.ต่อแบบผสม ข.ต่อแบบขนาน

(ค) ต่อแบบอนุกรม ง.ตามลักษณะงาน

86.มอเตอร์ขนาดใหญ่ใช้กระแสตั้งแต่ 15 แอมแปร์ขึ้นไปจะควบคุมการทำงานโดย

ก.เพิ่มหม้อแปลงลดแรงดัน ข.การต่อเป็นอนุกรม

ค.การต่อเป็นแบบขนาน (ง) ผ่านทางหน้าสัมผัสแม่เหล็ก

87.การต่อลัดวงจรของคาพาซิเตอร์ทำเพื่อ

ก.บรรจุกระแส (ข) ให้คายประจุให้หมด

ค.ตรวจสอบวงจร ง.ตรวจสอบค่าอนันต์

88.เมกะโอห์ม คือ

(ก) ค่าความต้านทานการเป็นฉนวน ข.หน่วยวัดแรงเคลื่อนไฟ

ค.แรงดันไฟฟ้า (Volt) ง.กระแสไฟในวงจร

89.ฉนวนกันความร้อนระหว่างโครงตู้ชั้นนอกและชั้นในที่นิยมใช้กัน คือ

(ก) วัสดุใยแก้ว ข.พลาสติก

ค.ไฟเบอร์กลาสส์ ง.ยาง

90.ท่อแคฟิลลารีทำหน้าที่ คือ

ก.เพิ่มแรงดันของน้ำยา (ข) ปรับการไหลของน้ำยา

ค.ตัด-ต่อวงจรไฟฟ้า ง.ระบายความเย็นภายในห้อง

91.กระจกมองน้ำยา ถ้าน้ำยามีสีเหลือง หมายถึง

(ก) มีความชื้นปนอยู่ ข.น้ำยาต่ำกว่าเกณฑ์

ค.น้ำยาเป็นปกติ ง.มีสิ่งสกปรกปนอยู่

92.ความเย็นไม่คงที่และค่าแรงดันในระบบสูงกว่าเกณฑ์เกิดจากสิ่งใด

ก.สารความเย็นระบบมีน้อย (ข)ระบบอุดตัดที่ท่อรีซีฟเวอร์

ค.ระบบมีอากาศปะปนอยู่ ง.คอมเพรสเซอร์ชำรุด

93.ค่าจุดกลั่นตัวของสารความเย็นอ่านได้จากอะไร

(ก) ความดันเกจด้านความดันสูง ข.ความดันเกจด้านความดันต่ำ

ค.ค่าความดันเกจทั้งสองด้าน ง.ค่าที่เทียบจากตารางสัมพันธ์

94. สารความเย็นมีสิ่งเจือปนอาการที่แสดงออก คือ

ก.เกิดฟองอากาศที่กระจกมองสารความเย็น ข.เกจความดันค่าสูงกว่าปกติ

ค.เกจความดันต่ำค่าสูงกว่าปกติ (ง) ถูกทุกข้อ

95.แม็กเนติกคลัตว์ตัด-ต่อตลอดเวลาข้อขัดข้อง คือ

ก.เอ็กซ์แพนชันวาล์วขัดข้อง ข.คอนเดนเซอร์ขัดข้อง

(ค) เทอร์โมสตัตขัดข้อง ง.คอมเพรสเซอร์ขัดข้อง

96.การตรวจสภาพเครื่องปรับอากาศรถยนต์จุดประสงค์ คือ

(ก) เพื่อให้ทำงานได้เป็นปกติ ข.เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ค.เพื่อไม่ให้อุปกรณ์ชิ้นส่วนชำรุด ง.เพื่อลดการชำรุดเสียหาย

97.การติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ถูกต้อง คือ

ก.ติดตั้งตามความสะดวก ข.ติดตั้งบริเวณมุมห้อง

ค.ติดตั้งเว้นที่ใช้สอยไว้ (ง)ติดตั้งตามบริษัทผู้ผลิตแนะนำ

98.สวิตซ์มอเตอร์พดลมเครื่องปรับอากาศมีกี่ระดับ

ก.ระดับเดียวตลอด ข. 2 ระดับ

(ค) 3 ระดับ ง. 5 ระดับ

99.บ้านไม้มีวิธีการที่ถูกต้องในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศคือ

(ก) ติดตั้งที่แขวนบนโครงไม้

ข.การติดตั้งควรยึดความสวยงามเป็นหลัก

ค.ติดตั้งที่มุมใดมุมหนึ่ง

ง.ติดตั้งบริเวณหน้าต่างห้อง

100.กรองอากาศของเครื่องปรับอากาศควรทำความสะอาดเมื่อใด

(ก) ทุก 2 สัปดาห์ ข. ทุก 1 เดือน

ค. ทุก 3 เดือน ง. ทุก 6 เดือน